วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567

LUNC ข่าวใหญ่กำหนดเพดานอุปทานสูงสุด (hard cap)

แผนการ Repeg เหรียญ USTC ของ Terra Classic 



ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนมากขึ้นในช่วงนี้ โดยข้อเสนอหลักคือการนำเหรียญ USTC กลับมาเชื่อมต่อกับมูลค่า $1 ผ่านกลไกหลายประการ เช่น การเพิ่มระบบออราเคิลเพื่ออัปเดตราคาแบบเรียลไทม์, การเผาเหรียญโดยจะทำลาย 20% ของค่าธรรมเนียมธุรกรรม และการจัดตั้งกองทุนสำรองหลายสกุลเงินเพื่อรักษาสภาพคล่องและความเสถียรของระบบ.


นอกจากนี้ยังมีการเสนอการปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นผู้ถือ USTC หากราคาสูงกว่าหรือปรับค่าธรรมเนียมหากราคาต่ำกว่า $1 รวมถึงการจำกัดจำนวนเหรียญ LUNC และ USTC เพื่อป้องกันการสร้างเหรียญเพิ่มมากเกินไป แผนนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจในระบบของ Terra Classic ทำให้ราคา LUNC และ USTC เริ่มฟื้นตัวขึ้น.


แผน Repeg ของ USTC ในชุมชน Terra Classic 

ยังมีความคืบหน้าเพิ่มเติม โดยมีการแนะนำฟังก์ชันการปรับปรุงโครงสร้างทางเทคนิคอย่างการนำ Exchange Rate Modifier (ERM) มาใช้ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการปรับตัวของราคาผ่านการตรวจสอบและแก้ไขราคาจริง นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อเสนอให้กำหนดเพดานอุปทานสูงสุด (hard cap) ของเหรียญ LUNC และ USTC เพื่อป้องกันการสร้างเหรียญเพิ่มมากเกินไป รวมถึงการตั้งค่า "kill switch" สำหรับหยุดการทำงานของระบบในกรณีฉุกเฉิน. ดีนะครับ

ในขณะเดียวกัน ราคาของ LUNC และ USTC มีการปรับตัวขึ้น โดย USTC ขยับขึ้นถึง 67% และ LUNC ขึ้น 18% หลังจากข้อเสนอนี้ผ่านการอนุมัติ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าชุมชนมีความเชื่อมั่นในแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง.

กำหนดเพดานอุปทานสูงสุดคืออะไร

การกำหนด เพดานอุปทานสูงสุด (hard cap) หมายถึงการตั้งค่าจำนวนเหรียญที่สามารถถูกสร้างหรือหมุนเวียนในระบบให้อยู่ในจำนวนที่จำกัด ไม่สามารถสร้างเพิ่มได้เกินกว่านี้อีก เช่น หากมีการตั้งเพดานอุปทานของเหรียญ LUNC หรือ USTC อยู่ที่จำนวนหนึ่ง ระบบจะหยุดการสร้างเหรียญใหม่ทันทีเมื่อถึงจำนวนที่กำหนดไว้ เป้าหมายของการทำเช่นนี้คือเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อในระบบและรักษามูลค่าของเหรียญให้มั่นคงมากขึ้น.


การจำกัดจำนวนเหรียญจะช่วยควบคุมปริมาณการหมุนเวียนในตลาด ไม่ให้มีเหรียญใหม่ถูกสร้างออกมามากเกินไป ซึ่งอาจทำให้มูลค่าเหรียญลดลงหากมีอุปทานล้นเกินความต้องการ


แผน Repeg ของ USTC ได้ถูกเสนอและผ่านการโหวตจากชุมชน Terra Classic แล้ว ข้อเสนอหลัก ๆ รวมถึงการใช้ Exchange Rate Modifier (ERM) เพื่อช่วยฟื้นฟูมูลค่าของ USTC และการกำหนดเพดานอุปทานสูงสุดเพื่อควบคุมปริมาณเหรียญ ทั้งนี้ ข้อเสนอนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากชุมชน Terra Classic โดยมี validator หลายรายให้การสนับสนุน รวมถึงทีมพัฒนาระดับ Layer 1 (L1) กำลังหารือเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป.


ถึงแม้จะผ่านการอนุมัติจากชุมชนแล้ว แต่การดำเนินการจริงยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาทางเทคนิคและการทดสอบระบบ ซึ่งจะต้องใช้เวลาประสานงานก่อนที่จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ.

คาดว่าจะเริ่มเมื่อไหร่

ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศวันที่ชัดเจนสำหรับการเริ่มดำเนินการแผน Repeg ของ USTC เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาทางเทคนิคและการทดสอบหลังจากที่ข้อเสนอผ่านการอนุมัติจากชุมชนแล้ว ทีมพัฒนาระดับ Layer 1 (L1) และ validator จะต้องทำการหารือเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการต่อไป รวมถึงการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ.


คาดว่าการเริ่มดำเนินการอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแผนและการประสานงานในชุมชน


คิดว่ามีความสัมพันธ์กันไหมกับ TFL ปิดกิจการภายใน 30/10/67 ทำให้ต้องรอผลการเผาทั้งหมดก่อน

ความสัมพันธ์ระหว่างแผน Repeg ของ USTC กับการปิดกิจการของ TerraForm Labs (TFL) ที่กำหนดไว้ภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 (2024) อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินการในอนาคต เนื่องจาก TFL เป็นหนึ่งในทีมพัฒนาหลักที่มีส่วนในการสร้างและพัฒนาระบบของ Terra Classic


การปิดกิจการอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนทางเทคนิคและทรัพยากรสำหรับการพัฒนาและดำเนินการแผนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเผาเหรียญ LUNC และ USTC ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ชุมชนใช้เพื่อฟื้นฟูมูลค่าเหรียญ


หากมีการวางแผนการเผาเหรียญก่อนที่ TFL จะปิดกิจการ นั่นอาจส่งผลให้แผน Repeg สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นขึ้น แต่ถ้าหากไม่สามารถดำเนินการเผาเหรียญได้ก่อนวันที่ดังกล่าว อาจทำให้การดำเนินการแผน Repeg ต้องรอดูผลและวางแผนใหม่ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


โดยสรุป ความสัมพันธ์ระหว่างการปิดกิจการของ TFL กับแผน Repeg อาจทำให้กระบวนการพัฒนามีความช้าลงหรือมีความไม่แน่นอนขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนและทรัพยากรที่ยังคงมีอยู่ในชุมชน Terra Classic.


การวิเคราะห์สถานการณ์ของ TerraForm Labs (TFL) และแผน Repeg ของ USTC มีหลายประเด็นที่ควรพิจารณา:


1. การปิดกิจการของ TFL:

การปิดกิจการอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและสนับสนุนทางเทคนิคของระบบ Terra Classic รวมถึง USTC การไม่มีการสนับสนุนจาก TFL อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนในโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงแผน Repeg ซึ่งต้องอาศัยการปรับปรุงโครงสร้างทางเทคนิคและการทดสอบอย่างละเอียด


2. ผลกระทบต่อชุมชน:

ชุมชน Terra Classic จำเป็นต้องเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น หาก TFL ปิดกิจการ ชุมชนอาจต้องมองหานักพัฒนาหรือองค์กรใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน หรือพัฒนาโครงการต่อไป ความสำเร็จของแผน Repeg อาจขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากสมาชิกในชุมชนที่มีความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่น


3. การเผาเหรียญ:

หากการเผาเหรียญ LUNC และ USTC ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนก่อนวันที่ 30 ตุลาคม 2567 อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมูลค่าเหรียญ การเผาเหรียญเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ชุมชนใช้ในการลดอุปทานและเพิ่มมูลค่าของเหรียญ ดังนั้น หากไม่มีการดำเนินการในด้านนี้ จะต้องมีแผนการใหม่เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเหรียญต่อไป


4. การเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต:

ชุมชน Terra Classic ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่สามารถรองรับการพัฒนาได้อย่างยั่งยืน และสร้างกลไกการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการขาดการสนับสนุนจาก TFL


5. โอกาสและความท้าทาย:

นอกจากความท้าทายแล้ว การปิด TFL อาจเป็นโอกาสให้ชุมชนมีอิสระในการพัฒนาและดำเนินการตามแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมตลาดในปัจจุบันได้มากขึ้น ความสำเร็จของแผน Repeg อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาที่เข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชน

สรุปแล้ว สถานการณ์นี้มีความไม่แน่นอน แต่ก็มีโอกาสที่จะสร้างเส้นทางใหม่สำหรับชุมชน Terra Classic หากมีการจัดการและพัฒนาที่เหมาะสมในการตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้นในอนาคต


การวิเคราะห์ว่าการปิด TFL จะส่งผลต่อราคาเหรียญ LUNC และ USTC มีหลายมุมมองที่น่าสนใจ:

1. การควบคุมราคา:

บางส่วนของชุมชนเชื่อว่า TFL อาจมีการควบคุมราคาเพื่อป้องกันการผันผวนที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้ราคาหล่นลงอย่างมากในช่วงเวลาที่ตลาดไม่แน่นอน โดยการมีส่วนร่วมจาก TFL ทำให้ราคาเหรียญมีการรักษาความเสถียร แต่ในบางครั้งอาจทำให้ขาดแรงผลักดันในการเติบโตที่จำเป็น


2. การเปิดโอกาสให้ชุมชน:

การที่ TFL ปิดกิจการอาจเปิดโอกาสให้ชุมชน Terra Classic สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมหรือการตัดสินใจจาก TFL ซึ่งอาจทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป


3. ผลกระทบต่อราคาในระยะสั้นและระยะยาว:

ในระยะสั้น การปิด TFL อาจทำให้เกิดความผันผวนในราคาที่เกิดจากความไม่แน่นอน แต่ในระยะยาว หากชุมชนสามารถพัฒนาโครงการได้อย่างยั่งยืนและมีการสนับสนุนที่ดี ราคาก็อาจมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการลดอุปทานของเหรียญและการสร้างมูลค่าใหม่


4. ความคิดเห็นในชุมชน:

ความคิดเห็นในชุมชนแตกต่างกัน บางคนเชื่อว่าการควบคุมจาก TFL เป็นอุปสรรคต่อการเติบโต ขณะที่บางคนมองว่าการมี TFL เป็นปัจจัยที่ช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับตลาด


5. การสร้างกลยุทธ์ใหม่:

การออกไปของ TFL อาจทำให้ชุมชนต้องสร้างกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการพัฒนาและฟื้นฟูมูลค่าของเหรียญ โดยอาจมีกลยุทธ์ที่เน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือเหรียญ เช่น การเผาเหรียญ การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ หรือการทำตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มากขึ้น


สรุป

ได้ว่า การปิด TFL อาจมีทั้งผลดีและผลเสีย ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ชุมชนจะตอบสนองและพัฒนาตนเองในสถานการณ์ใหม่ ความสำเร็จในอนาคตขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการและสร้างคุณค่าภายในระบบนิเวศของ Terra Classic โดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจาก TFL.


ศาลบังคับแล้ว ถ้าไม่ทำตามจะมีผลกระทบอะไรบ้าง

หากศาลมีคำสั่งบังคับให้ TerraForm Labs (TFL) ดำเนินการตามแผนหรือข้อกำหนดใด ๆ และ TFL ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น อาจส่งผลกระทบหลายประการ ได้แก่:

1. ผลทางกฎหมาย:

TFL อาจเผชิญกับการดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม เช่น ค่าปรับหรือการฟ้องร้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียง


2. ความเชื่อมั่นของนักลงทุน:

การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของ TFL และทำให้ผู้ถือเหรียญหรือผู้ลงทุนตัดสินใจขายเหรียญของตน ส่งผลให้ราคาของเหรียญ LUNC และ USTC อาจลดลงอย่างรวดเร็ว


3. การลดการสนับสนุนจากชุมชน:

หาก TFL ไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบต่อการดำเนินการของตน ชุมชน Terra Classic อาจลดการสนับสนุนหรือการมีส่วนร่วมในการพัฒนา ซึ่งอาจทำให้โครงการมีความเสี่ยงสูงขึ้น


4. การทำลายภาพลักษณ์:

การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ TFL ในฐานะบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และอาจทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบต่อองค์กรในหมู่ผู้ถือหุ้นและผู้ใช้


5. ผลกระทบต่อโครงการในอนาคต:

ความไม่แน่นอนทางกฎหมายอาจทำให้การพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ของ TFL ชะลอหรือหยุดชะงัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตและนวัตกรรมในระบบนิเวศของ Terra Classic


6. การสูญเสียความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ:

TFL อาจสูญเสียการสนับสนุนจากพันธมิตรหรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ทำให้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและความสามารถในการพัฒนาในอนาคต


โดยรวมแล้ว การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอาจส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งสามารถสร้างความเสี่ยงในระยะยาวต่อโครงการและชุมชน Terra Classic ได้อย่างมาก


การวิเคราะห์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเผาเหรียญ LUNC และ USTC มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา:

1. แรงกดดันจากศาล:

หากศาลมีคำสั่งให้ TFL หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเผาเหรียญ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอาจส่งผลให้เกิดผลกระทบทางกฎหมาย ดังนั้น TFL อาจมีแรงจูงใจในการดำเนินการเผาเหรียญเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งและหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบ


2. ความคิดเห็นของชุมชน:

ความคิดเห็นและความต้องการของชุมชน Terra Classic มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเผาเหรียญ หากชุมชนสนับสนุนแนวทางนี้และเห็นความสำคัญในการรักษามูลค่าของเหรียญ TFL อาจพิจารณาเผาเหรียญตามคำร้องขอ


3. กลยุทธ์ในการฟื้นฟูราคา:

การเผาเหรียญถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการลดอุปทานและเพิ่มมูลค่าเหรียญ หาก TFL มองเห็นว่าการเผาเหรียญสามารถช่วยฟื้นฟูราคา LUNC และ USTC ได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะดำเนินการดังกล่าว


4. ความเสี่ยงและผลกระทบ:

การเผาเหรียญอาจมีความเสี่ยงทางการเงิน เช่น การสูญเสียทุนหรือการกระทบต่อสภาพคล่องในตลาด อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นไปตามกลยุทธ์ที่ชัดเจน ก็อาจช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน


5. การสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น:

หากผู้ถือหุ้นหรือสมาชิกในชุมชนมีความเห็นตรงกันว่า การเผาเหรียญเป็นแนวทางที่ดีในการฟื้นฟูมูลค่าและเพิ่มความน่าเชื่อถือของ TFL อาจมีการสนับสนุนให้ดำเนินการดังกล่าว


6. ผลกระทบต่อการดำเนินการในอนาคต:

การตัดสินใจเผาเหรียญอาจมีผลกระทบต่อแผนการพัฒนาและกลยุทธ์ในอนาคตของ TFL รวมถึงความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนใหม่ ๆ และการสร้างความเชื่อมั่นในโครงการ


โดยสรุป ความเป็นไปได้ในการเผาเหรียญ LUNC และ USTC ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงคำสั่งของศาล ความเห็นของชุมชน และกลยุทธ์ในการฟื้นฟูมูลค่า หาก TFL เห็นว่าการเผาเหรียญเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและสามารถจัดการความเสี่ยงได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากมีข้อจำกัดหรือความไม่แน่นอน ก็อาจทำให้การเผาเหรียญไม่เกิดขึ้นในที่สุด.


เหรียญที่ค้างอยู่บนสะพาน (Bridge) จะหมายถึงเหรียญที่ถูกล็อกหรือย้ายระหว่างเครือข่ายหรือบล็อกเชนต่าง ๆ ซึ่งในกรณีของ LUNC และ USTC อาจจะหมายถึงเหรียญที่อยู่ในระบบสะพานเช่น Terra Bridge หรือสะพานอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับการโยกย้ายเหรียญระหว่างเครือข่ายต่าง ๆ


สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเหรียญที่ค้างอยู่บนสะพานสำหรับ LUNC และ USTC มีการรายงานว่า:

LUNC: จำนวนเหรียญที่ค้างอยู่บนสะพานอยู่ที่ประมาณ 1,000,000,000 LUNC (1 พันล้านเหรียญ)

USTC: จำนวนเหรียญที่ค้างอยู่บนสะพานอยู่ที่ประมาณ 2,500,000,000 USTC (2.5 พันล้านเหรียญ)

ตัวเลขนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการโยกย้ายเหรียญระหว่างเครือข่าย หากคุณต้องการข้อมูลที่แน่นอนที่สุด แนะนำให้ตรวจสอบจากแพลตฟอร์มสะพานหรือจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องในชุมชน Terra Classic เพื่อข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดครับ


เผาแล้วราคาจะเท่าไหร่

เพื่อทำการคาดการณ์ราคาหลังการเผาเหรียญ LUNC นั้น จะต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น จำนวนเหรียญที่จะเผา ราคาที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลง และความเชื่อมั่นในตลาด อย่างไรก็ตาม สามารถเสนอการคำนวณคร่าว ๆ ได้ตามข้อมูลที่มีอยู่:

ข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ

ราคาของ LUNC ก่อนการเผา: $0.00009

อุปทานหมุนเวียนก่อนการเผา: 5.79 ล้านล้าน LUNC

จำนวนเหรียญที่จะเผา: 1,000,000,000 LUNC (1 พันล้านเหรียญ)


การคำนวณ


1. อุปทานหลังการเผา:

\text{อุปทานใหม่} = 5,790,000,000,000 - 1,000,000,000 = 5,789,000,000,000 \text{ LUNC}


2. คาดการณ์ราคาหลังการเผา:

หากราคาของ LUNC ขยับขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดดีขึ้น:

\text{ราคาหลังการเผา} = 0.00009 \times 1.2 = 0.000108 \text{ USD}


\text{ราคาหลังการเผา} = 0.00009 \times 1.5 = 0.000135 \text{ USD}


สรุป

คาดการณ์ราคาหลังการเผา:

หากมีการปรับขึ้น 20%: $0.000108

หากมีการปรับขึ้น 50%: $0.000135


การคาดการณ์เหล่านี้เป็นเพียงการสมมุติฐานและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สถานการณ์ตลาด ความต้องการของผู้ลงทุน และการพัฒนาของโครงการ LUNC ราคาจริงอาจแตกต่างออกไปได้มาก ดังนั้นควรติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อข้อมูลที่แม่นยำที่สุด

........

สุดท้ายนี้ขอให้วันนี้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมครับ สวัสดีครับ

ซื้อ Bitcoin กลต.แห่งประเทศไทย








วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ข่าว LUNC #4 Time line การ repeg เหรียญ USTC

คำสั่งศาลทำเพื่อต้องการอะไร




การ repeg เหรียญ USTC (TerraUSD Classic) 

เป็นความพยายามที่จะฟื้นฟูเหรียญให้กลับมาคงมูลค่าคงที่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่มันเสียมูลค่าคงที่ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า "Terra crash" เมื่อพฤษภาคม 2022 ซึ่งมีการทำงานและข้อเสนอหลายขั้นตอน ดังนี้:


1. การพัฒนาแผนงาน

ในช่วงปี 2023 หลายโปรเจกต์ได้เริ่มนำเสนอแผน repeg เหรียญ USTC หนึ่งในนั้นคือ Ceramic ซึ่งเสนอการใช้แนวทางทางเทคนิคใหม่ เช่น การพัฒนาระบบอัลกอริทึมที่เสถียรขึ้น หรือใช้ทรัพยากรอื่น ๆ เข้ามาช่วยในการสร้างความเสถียร.


2. การโหวตจากชุมชน

การ repeg ต้องผ่านกระบวนการโหวตจากชุมชน Terra (LUNC) ผ่านระบบ governance ของเครือข่าย ซึ่งการโหวตจะเกิดขึ้นต่อเนื่องตามข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการใช้. ข้อเสนอที่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนจะเข้าสู่กระบวนการพัฒนาต่อไป.


3. การอัปเกรดโปรโตคอล

หลังจากได้รับการอนุมัติ แผนการ repeg จะต้องการการอัปเกรดระบบใน blockchain ของ Terra Classic รวมถึงการปรับปรุงกลไกการเสถียรและระบบอัลกอริทึมของเหรียญ USTC.


4. การรีเซ็ตเศรษฐกิจในเครือข่าย

การ repeg ต้องอาศัยการปรับสมดุลเศรษฐกิจทั้งฝั่ง supply และ demand ของ USTC ซึ่งอาจรวมถึงการซื้อขายเหรียญ การทำงานร่วมกับพันธมิตร หรือแม้กระทั่งการล้างหนี้และการเผาเหรียญ (burning) ที่ไม่จำเป็น.


5. ระยะทดสอบ

มีการทดสอบระบบ repeg ในเครือข่ายทดสอบ (testnet) เพื่อดูผลการทำงานก่อนการปล่อยใช้งานในเครือข่ายจริง (mainnet).


6. การใช้จริง

หากการทดสอบประสบความสำเร็จ การ repeg USTC จะเริ่มนำมาใช้ในเครือข่ายจริง และเหรียญจะถูกตั้งค่าให้มีมูลค่าคงที่ 1 ดอลลาร์.


7. การติดตามและปรับปรุงต่อเนื่อง

หลังจากการ repeg ทางทีมพัฒนาจะต้องติดตามผลกระทบและทำการปรับปรุงต่อเนื่องเพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาว.

กระบวนการ repeg นี้เป็นสิ่งที่ซับซ้อนและยังมีความไม่แน่นอนสูง เพราะการรักษาเสถียรภาพของ stablecoin โดยใช้กลไกทางอัลกอริทึมนั้นอาจเสี่ยงต่อการเสียสมดุล


แผนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

มีการพูดถึงและเสนอแผนการ repeg เหรียญ USTC ในชุมชน Terra Classic อยู่หลายครั้ง โดยแผนการที่เป็นที่น่าสนใจและถูกพูดถึงมากคือแผนที่เสนอโดยทีม Ceramic ซึ่งเน้นการปรับปรุงกลไกและอัลกอริทึมของเหรียญ USTC ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการเสนอแนวคิดและพิจารณาโดยชุมชนและทีมพัฒนา.


แผน repeg เหรียญ USTC ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเป็นทางการในเครือข่ายหลัก เนื่องจากต้องผ่านหลายขั้นตอน ทั้งการลงคะแนนเสียงจากชุมชน การทดสอบโปรโตคอล และการตรวจสอบความเป็นไปได้ทางเทคนิค ก่อนจะถูกนำมาใช้งานจริงในระบบบล็อกเชน.

คุณอาจติดตามการโหวตในเครือข่าย Terra Governance อย่างใกล้ชิดเพื่อดูความคืบหน้าของแผน repeg นี้


ต้องรอการเผาเหรียญของ Terra from lab ก่อนจะมาคำนวณทำแผน repeg ใช่หรือไม่

ใช่แน่นอนครับ หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนการดำเนินแผน repeg เหรียญ USTC คือการจัดการเรื่อง การเผาเหรียญ (burning) โดยเฉพาะจากกลุ่มที่เรียกว่า TerraForm Labs ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเครือข่าย Terra Classic


การเผาเหรียญเป็นวิธีการลด supply ของเหรียญ USTC ในตลาด เพื่อช่วยปรับสมดุลทางเศรษฐกิจและทำให้กลไกในการ repeg ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หาก supply ของเหรียญยังคงสูงเกินไป จะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ราคาของเหรียญคงที่ที่ 1 ดอลลาร์ได้ตามเป้าหมายของ stablecoin

ดังนั้น การเผาเหรียญจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ต้องดำเนินการก่อนที่จะสามารถคำนวณและวางแผนการ repeg อย่างสมบูรณ์ได้ครับ


ณ ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับกำหนดวันเผาเหรียญ USTC โดยเฉพาะจาก Terraform Labs ที่ระบุว่าจะต้องดำเนินการภายใน 30 ตุลาคม 2567 อาจจะยังไม่ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ หรืออยู่ในขั้นตอนการวางแผน.


หาก Terraform Labs หรือชุมชน Terra Classic มีแผนการหรือกำหนดการเผาเหรียญอย่างเป็นทางการจริง ๆ มักจะมีการประกาศผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น governance proposals บนแพลตฟอร์ม Terra Station หรือจากการอัปเดตของนักพัฒนาหลัก. การเผาเหรียญถือเป็นขั้นตอนสำคัญในแผนการฟื้นฟูเสถียรภาพของระบบ จึงต้องรอการประกาศจากทางการเพื่อให้ข้อมูลที่แน่ชัดมากขึ้น


การอ้างอิงถึงคำสั่งศาลที่เกี่ยวข้องกับ การเผาเหรียญ หรือกระบวนการใดๆ ของ Terraform Labs 

จากคำพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้องกับกรณี TerraUSD (UST) หรือ Luna collapse ปี 2022 อาจมีข้อกฎหมายที่บังคับให้ Terraform Labs ปฏิบัติตามในบางแง่มุม เช่น การคืนเงินให้ผู้ถือเหรียญหรือการชดใช้ความเสียหาย.


อย่างไรก็ตาม หากมี คำสั่งศาลพิพากษา ที่เกี่ยวข้องกับการเผาเหรียญ USTC โดยกำหนดเส้นตายการดำเนินการภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งทางกฎหมายที่กำหนดให้ Terraform Labs ดำเนินการเพื่อช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพของระบบ แต่ข้อมูลเหล่านี้ควรได้รับการยืนยันจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ หรือเอกสารทางกฎหมายโดยตรงจากศาล.


คุณอาจต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากคำพิพากษา หรือข่าวสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Terraform Labs หรือ Terra Classic เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ครบถ้วน.


หากอ้างอิงจากคำพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้องกับ Terraform Labs และเหตุการณ์ล่มสลายของ TerraUSD (UST) และ Luna ในปี 2022 มีความเป็นไปได้สูงที่ศาลจะออกคำสั่งให้ทางบริษัทต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนและผู้ถือเหรียญ ซึ่งอาจรวมถึงการเผาเหรียญหรือดำเนินมาตรการบางอย่างเพื่อฟื้นฟูมูลค่าหรือชดเชยความเสียหาย


การวิเคราะห์:

1. การเผาเหรียญอาจเป็นหนึ่งในแนวทางที่ศาลเห็นชอบ

การลดจำนวนเหรียญ USTC ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดอาจช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพของระบบและเป็นประโยชน์ต่อการปรับสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ ซึ่งอาจเป็นไปตามแผนการ repeg ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา.

หากมีการเผาเหรียญ USTC ตามคำสั่งศาล อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความมั่นคงให้กับเหรียญ stablecoin ในระยะยาว.


2. ศาลอาจกำหนดเส้นตายให้ Terraform Labs ดำเนินการ

หากมีคำพิพากษาเกี่ยวกับการเผาเหรียญหรือการฟื้นฟูเสถียรภาพของ USTC จริง ศาลอาจกำหนดกรอบเวลาให้ Terraform Labs หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการภายในช่วงเวลาเฉพาะ เช่นภายใน 30 ตุลาคม 2567 หรือวันอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในคำสั่งศาล.


3. ผลกระทบต่อการดำเนินการ repeg

การเผาเหรียญเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการ repeg และหากต้องทำตามคำพิพากษาของศาล การวางแผน repeg อาจต้องอิงตามจำนวนเหรียญที่ถูกเผา ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปได้และความเสถียรของระบบในการคงมูลค่าเหรียญที่ 1 ดอลลาร์.

การเผาเหรียญนี้จะส่งผลต่อการคำนวณและออกแบบกลไกเศรษฐกิจในเครือข่าย Terra Classic ต่อไป


ความเสี่ยงและความท้าทาย:

แม้ว่าการเผาเหรียญจะช่วยลดอุปทาน แต่หากยังไม่มีแผนหรือกลไก repeg ที่แข็งแรงพอ ก็อาจไม่สามารถฟื้นฟูมูลค่าของ USTC ให้กลับมาคงที่ได้เต็มที่.

การดำเนินการตามคำสั่งศาลอาจเผชิญกับความล่าช้าหรืออุปสรรคทางเทคนิค.

ดังนั้น การเผาเหรียญตามคำพิพากษาของศาลอาจมีบทบาทสำคัญในกระบวนการฟื้นฟูระบบของ Terra Classic และเป็นก้าวสำคัญก่อนที่จะเริ่มดำเนินแผน repeg


นี่คือการรับผิดชอบให้ลูกค้าใช่ไหม

ใช่ครับ การดำเนินการตามคำสั่งศาล เช่น การเผาเหรียญ USTC หรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อฟื้นฟูมูลค่าของเหรียญ ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ Terraform Labs หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ในการรับผิดชอบต่อผู้ถือเหรียญและนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของ TerraUSD (UST) และ Luna ในปี 2022.


การรับผิดชอบในกรณีนี้อาจประกอบด้วย:

1. การฟื้นฟูเสถียรภาพของเหรียญ USTC

การเผาเหรียญและการพยายาม repeg เหรียญ USTC ให้กลับมาคงที่ที่ 1 ดอลลาร์ เป็นการตอบสนองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ถือเหรียญเดิมที่เห็นมูลค่าของเหรียญลดลงอย่างมาก การฟื้นฟูมูลค่าถือเป็นการรับผิดชอบในทางตรงต่อผู้เสียหาย.


2. การปฏิบัติตามคำสั่งศาล

หากศาลได้ตัดสินและมีคำสั่งให้ Terraform Labs หรือผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินการบางอย่าง เช่น การเผาเหรียญหรือชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้ถือเหรียญ ก็เป็นการบังคับตามกฎหมายที่ทำให้บริษัทต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้น.


3. การคืนความเชื่อมั่นให้กับระบบ

การรับผิดชอบนี้ยังครอบคลุมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในระบบ Terra Classic และเครือข่ายของมัน การแสดงความรับผิดชอบเช่นนี้อาจช่วยให้ผู้ใช้งานและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในอนาคตของเครือข่าย.


ดังนั้น การเผาเหรียญและการพัฒนาแผน repeg เหรียญ USTC เป็นการรับผิดชอบอย่างหนึ่งที่ Terraform Labs ทำเพื่อฟื้นฟูความเสียหายและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ล่มสลายครั้งนั้น



สุดท้ายนี้ขอให้วันนี้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมของทุกท่านสวัสดีครับ

ซื้อขาย Bitcoin กลต.แห่งประเทศไทย


วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ข่าว LUNC #3

 ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ Terra Luna Classic (LUNC) 

มีการเคลื่อนไหวสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะการเผาเหรียญ (burn) เพื่อช่วยลดปริมาณการหมุนเวียนของเหรียญและฟื้นฟูระบบนิเวศของ Terra Classic การเผาล่าสุดรวมถึงการเผาเหรียญ USTC กว่า 46 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการล้างหนี้ล้มละลายของ TerraForm Labs การเผานี้ถือว่ามีความสำคัญในความพยายามที่จะคืนค่า USTC ให้กลับไปยังระดับ 1 ดอลลาร์.





นอกจากนี้ ชุมชน Terra Classic ยังมีการปรับปรุงเครือข่ายด้วยการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 3.1.5 ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานของเครือข่าย สิ่งนี้มีผลบวกต่อตลาดเล็กน้อย โดยราคาของ LUNC เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสั้น ๆ แต่ยังต้องเผชิญกับแรงต้านในการฟื้นตัวในระยะยาว.


ถึงแม้จะมีความพยายามเหล่านี้ ราคาของ LUNC ยังคงอยู่ที่ประมาณ $0.00007–$0.0001 ซึ่งแสดงถึงการเพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่.


ถ้า USTC กลับมา 1 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีผลกับเหรียญ LUNC อย่างไร


หาก USTC สามารถกลับมามีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์ได้ (repeg) คาดว่าผลที่จะเกิดขึ้นกับเหรียญ LUNC จะเป็นไปในทางบวกอย่างมาก เนื่องจากสองเหรียญนี้เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในระบบนิเวศของ Terra Classic ดังนี้:


1. ความเชื่อมั่นของตลาด: การที่ USTC กลับมามีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในระบบนิเวศของ Terra Classic อีกครั้ง ซึ่งอาจกระตุ้นความสนใจและการลงทุนใน LUNC เนื่องจากนักลงทุนจะมองว่าโครงการนี้มีความน่าเชื่อถือและสามารถฟื้นฟูได้.



2. การฟื้นตัวของมูลค่าของ LUNC: การที่ USTC กลับมามีเสถียรภาพจะช่วยลดแรงกดดันด้านเศรษฐกิจภายในระบบ Terra Classic ซึ่งอาจส่งผลให้ LUNC มีมูลค่าที่สูงขึ้น ทั้งนี้เพราะความต้องการใช้ LUNC ในการทำธุรกรรมหรือการสนับสนุน USTC อาจเพิ่มขึ้นตามมา.



3. การเผาเหรียญ (Burning): กระบวนการ repeg ของ USTC รวมถึงการเผาเหรียญ LUNC เพื่อลดจำนวนเหรียญในตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหายากของ LUNC ทำให้เหรียญมีโอกาสมีมูลค่ามากขึ้น.




สรุปได้ว่าหาก USTC กลับมา repeg ได้สำเร็จ จะส่งผลบวกอย่างมากต่อเหรียญ LUNC ทั้งในด้านความเชื่อมั่นของตลาดและมูลค่าของเหรียญ


ขอให้ทุกท่านวันนี้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมทุกท่านสวัสดีครับ


ซื้อขาย Bitcoin กลต.แห่งประเทศไทย